การปลูกข้าวโพดสามารถทำได้หลายวิธี โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
1. การเตรียมดิน
ไถและพรวนดิน: ควรไถดินตากแดดประมาณ 7-10 วัน เพื่อกำจัดวัชพืชและศัตรูพืชในดิน จากนั้นจึงพรวนดินให้ร่วนซุย
ปรับสภาพดิน: ตรวจสอบค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของดิน ค่าที่เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าวโพดคือ 5.5 - 6.5 หากดินมีความเป็นกรดสูง ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดิน
ใส่ปุ๋ยรองพื้น: เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ดินด้วยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และอาจใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วนลงไปในดินก่อนปลูก เพื่อให้ต้นข้าวโพดได้รับสารอาหารที่เพียงพอตั้งแต่เริ่มต้น
2. การปลูก
การหยอดเมล็ด: หยอดเมล็ดข้าวโพด 1-2 เมล็ดต่อหลุม โดยกดเมล็ดให้จมลงไปในดินประมาณ 2-5 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับลักษณะของดิน
การปลูกโดยใช้เครื่อง: ใช้เครื่องปลูกติดรถแทรกเตอร์ ซึ่งสามารถกำหนดระยะห่างระหว่างแถวและหลุมได้อย่างสม่ำเสมอ
3. การดูแลรักษา
การให้น้ำ: การให้น้ำขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากปลูกในช่วงฤดูฝนอาจรดน้ำทุก 12 วัน แต่หากปลูกในฤดูแล้งควรรดน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และควรรดน้ำทันทีหลังการปลูกและหลังการใส่ปุ๋ยทุกครั้ง
การใส่ปุ๋ย:
ปุ๋ยเร่งต้น: เมื่อต้นข้าวโพดอายุประมาณ 25-30 วัน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 21-0-0 หรือปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของลำต้นและใบ
ปุ๋ยเร่งฝัก: เมื่อต้นข้าวโพดเริ่มออกดอก ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-5-20 หรือ 15-3-21 เพื่อบำรุงผลผลิต ทำให้ฝักมีขนาดใหญ่และเมล็ดเรียงสวย
การกำจัดวัชพืช: กำจัดวัชพืชในแปลงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งน้ำและอาหารจากต้นข้าวโพด
การป้องกันศัตรูพืช: หากมีแมลงศัตรูพืชระบาด อาจใช้ชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราเมตาไรเซียม (ราเขียว) ในการควบคุม
4. การเก็บเกี่ยว
สังเกตความพร้อม:
ดูไหมข้าวโพด: เมื่อไหมข้าวโพดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม แสดงว่าถึงเวลาเก็บเกี่ยว
ตรวจดูเมล็ด: ใช้เล็บกดที่เมล็ด หากมีน้ำขุ่นคล้ายน้ำนมไหลออกมา แสดงว่าข้าวโพดพร้อมเก็บเกี่ยว
ระยะเวลา: ข้าวโพดหวานโดยทั่วไปจะเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 18-20 วันหลังออกไหม (ในฤดูหนาวจะช้ากว่าปกติเล็กน้อย)
วิธีการเก็บเกี่ยว: ใช้มือหักฝักสดออกจากต้นโดยไม่ต้องปอกเปลือก
การจัดการหลังเก็บเกี่ยว: ควรนำฝักข้าวโพดเข้าเก็บในที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และไม่กองสุมกัน เพราะจะทำให้คุณภาพของข้าวโพดลดลง